Skip to main content

เมทิลโฟเลต (Methyl Folate) คืออะไร ? ทำไมจึงสำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ?

เมทิลโฟเลต (Methyl Folate)

เมทิลโฟเลต (Methyl Folate) เชื่อว่าเป็นคำที่หลาย ๆ คนมักจะไม่ค่อยคุ้นหูกันเท่าไรนัก แต่แท้จริงแล้ว นั่นก็คือ โฟเลต (Folate) ชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายสามารถดูดซึmoreมและนำไปใช้ได้โดยตรง ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่ากรดโฟลิก (Folic Acid) ซึ่งเป็นรูปแบบสังเคราะห์ของโฟเลตที่ต้องผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกายก่อนจึงจะนำไปใช้ได้ โดยเราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ เมทิลโฟเลต (Methyl Folate) รวมไปถึงประโยชน์และความสำคัญ


เมทิลโฟเลต (Methyl Folate) คืออะไร ?

เมธิลโฟเลต หรือที่รู้จักในชื่อ 5-MTHF หรือ L-methylfolate คือรูปแบบที่ใช้งานได้ของโฟเลต (วิตามิน B9) ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องแปลงจากรูปแบบอื่นๆ โฟเลตในรูปแบบธรรมชาติจะพบในอาหาร เช่น ผักใบเขียว ถั่ว และซีเรียลเสริมโฟเลต ขณะที่เมธิลโฟเลตเป็นรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ในกระบวนการทางชีวเคมีที่สำคัญ เช่น การสังเคราะห์ DNA และการแบ่งเซลล์


เมทิลโฟเลตแตกต่างจากกรดโฟลิก อย่างไร

เมทิลโฟเลตแตกต่างจากกรดโฟลิก เป็นรูปแบบของวิตามิน B9 ที่แตกต่างกันในการที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ โดยสามารถแยกความแตกต่างกันได้ ดังต่อไปนี้ 


เมธิลโฟเลต (5-MTHF)

กรดโฟลิก (Folic Acid)

รูปแบบ

รูปแบบที่ใช้งานได้ทันที (Active Form)

รูปแบบสังเคราะห์ที่ต้องแปลงเป็นรูปแบบที่ใช้งานได้ (ต้องแปลงเป็น 5-MTHF)

การแปลงในร่างกาย

ไม่ต้องแปลง เป็นรูปแบบที่ใช้งานได้ทันที

ต้องแปลงโดยตับเป็น 5-MTHF ก่อนถึงจะใช้ได้

การดูดซึม

ดูดซึมและใช้งานได้ง่ายทันที

อาจมีปัญหาการดูดซึมหรือการแปลงในบางคน

ประโยชน์ด้านสุขภาพ

ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการแปลงโฟลิกแอซิด

อาจมีการสะสมในกระแสเลือด หากแปลงไม่เต็มที่

การใช้ในอาหารเสริม

เหมาะสำหรับผู้ที่มีการกลายพันธุ์ MTHFR หรือมีปัญหาการแปลง

ใช้ทั่วไปในวิตามินเสริมและอาหารที่เสริมวิตามิน



ความสำคัญของเมธิลโฟเลตสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

  1. การป้องกันความผิดปกติของท่อประสาท (Neural Tube Defects - NTDs)

เมธิลโฟเลตมีความสำคัญในช่วงตั้งครรภ์เนื่องจากช่วยป้องกันความผิดปกติของท่อประสาท ซึ่งเป็นความผิดปกติที่รุนแรงของสมองและไขสันหลัง ความผิดปกติดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนที่ผู้หญิงจะทราบว่าตั้งครรภ์ การได้รับโฟเลตในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยให้ท่อประสาทปิดตัวลงอย่างถูกต้องในระยะเริ่มต้นของการพัฒนาของทารก [1]

  1. การเจริญเติบโตของเซลล์และการสังเคราะห์ DNA

โฟเลตเป็นสารอาหารที่สำคัญในการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโต ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในกระบวนการพัฒนาของระบบประสาทของทารก เมธิลโฟเลตช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์

  1. การควบคุมระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine)

เมธิลโฟเลตมีบทบาทในการย่อยสลายโฮโมซิสเตอีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่หากมีระดับสูงอาจเชื่อมโยงกับโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูงในระหว่างตั้งครรภ์ และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ การมีระดับโฮโมซิสเตอีนสูงยังเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการแท้งบุตร [2]


  1. การพัฒนาของทารก

การได้รับโฟเลตในปริมาณที่เพียงพอ โดยเฉพาะในรูปของเมธิลโฟเลต เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาของสมอง หัวใจ และอวัยวะอื่นๆ ของทารกในครรภ์ โฟเลตยังสนับสนุนการทำงานและสุขภาพของรก


  1. การป้องกันโรคโลหิตจาง (Anemia)

โฟเลตช่วยในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง และในระหว่างการตั้งครรภ์การขาดโฟเลตอาจนำไปสู่โรคโลหิตจางจากโฟเลต ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ


ปริมาณเมทิลโฟเลต (Methylfolate) ที่เพียงพอต่อหญิงตั้งครรภ์ คือเท่าไหร่

คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านมักจะได้รับคำแนะนำให้ทานเมธิลโฟเลตรูปแบบที่เป็นสารที่มีชีวิตของกรดโฟลิก เนื่องจากบทบาทที่สำคัญในการป้องกันความผิดปกติของท่อประสาทในทารกในครรภ์ เมธิลโฟเลตมีความสำคัญเพราะช่วยในการสร้าง DNA สนับสนุนการแบ่งเซลล์ และมีบทบาทในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง

โดยคำแนะนำทั่วไปสำหรับการบริโภคกรดโฟลิกในระหว่างการตั้งครรภ์คือ 600 ไมโครกรัม (mcg) ต่อวัน แม้ว่าบางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้ทานในปริมาณที่สูงขึ้นสำหรับสตรีที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีประวัติของความผิดปกติของท่อประสาทหรือมีภาวะทางการแพทย์บางประการ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้หญิงที่มีการกลายพันธุ์ของยีน MTHFR ที่ส่งผลต่อความสามารถในการแปลงกรดโฟลิกให้เป็นรูปแบบที่ใช้งานได้ เนื่องจากเมธิลโฟเลตอยู่ในรูปที่สามารถดูดซึมและใช้งานได้ทันที [3]

แต่อย่างไรก็ตาม การเสริมอาหารในระหว่างการตั้งครรภ์ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้ดูแล เนื่องจากการรับกรดโฟลิกในปริมาณมากเกินไป โดยเฉพาะในรูปแบบของกรดโฟลิกสังเคราะห์ อาจทำให้สัญญาณของการขาดวิตามิน B12 หรือส่งผลเสียต่อสุขภาพอื่น ๆ ได้

วิธีเลือก Methylfolate อย่างปลอดภัย

  1. ทำความเข้าใจความจำเป็นของเมทิลโฟเลต

เมทิลโฟเลตมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีการกลายพันธุ์ของยีน MTHFR ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนโฟเลตในอาหารหรือกรดโฟลิกในอาหารเสริมไปเป็นรูปแบบที่ใช้งานได้ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีระดับโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ในเลือดสูง โรคโลหิตจางบางประเภท ภาวะซึมเศร้า และหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน ทั้งนี้ก่อนเริ่มรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือรับประทานยารักษาโรคบางชนิด 

  1. ตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ การรับรองมาตรฐาน

เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบจากองค์กร เช่น NSF, USP, ConsumerLab เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ความปลอดภัย และความตรงตามปริมาณที่ระบุไว้ ควรเลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และมีการผลิตตามมาตรฐาน Good Manufacturing Practices (GMP) และควรหลีกเลี่ยงสารเติมแต่ง ตรวจสอบฉลากให้แน่ใจว่าไม่มีสารก่อภูมิแพ้ กลูเตน สีสังเคราะห์ หรือสารเติมแต่งที่ไม่จำเป็น [4]

  1. คำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสม

ควรเริ่มต้นด้วยปริมาณต่ำ เช่น 400 ไมโครกรัม (mcg) ถึง 1 มิลลิกรัม (mg) ต่อวัน เพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองอย่างไร และค่อย ๆ ปรับเพิ่มตามคำแนะนำของแพทย์ หลีกเลี่ยงการใช้เกินความจำเป็น เพราะการรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ความวิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน หรือปวดศีรษะ และสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์อาจต้องการปริมาณที่สูงกว่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ [5]


  1. หลีกเลี่ยงการได้รับโฟเลตซ้ำซ้อน ตรวจสอบอาหารเสริมอื่น ๆ

หากคุณรับประทานวิตามินรวมหรือวิตามินสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ให้ตรวจสอบฉลากว่ามีกรดโฟลิกหรือ Methylfolate อยู่แล้วหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับในปริมาณที่มากเกินไป ไม่ควรผสมกรดโฟลิกกับเมทิลโฟเลตเข้าด้วยกัน เพราะการรับประทานทั้งสองรูปแบบร่วมกันอาจทำให้เกิดปัญหาในการเผาผลาญ


ทั้งนี้การเลือกและใช้เมทิลโฟเลตอย่างปลอดภัยจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความต้องการพิเศษหรือมีปัญหาสุขภาพเฉพาะ ควรให้ความสำคัญกับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ