Skip to main content

รู้จัก Homocysteine ตัวชี้วัดสุขภาพหัวใจที่คุณไม่ควรมองข้าม

โรคหัวใจ

การดูแลสุขภาพหัวใจเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งในยุคสมัยนี้ หนึ่งในปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด คือการมีระดับ Homocysteine ในเลือดที่สูงขึ้น แต่ Homocysteine คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไรต่อสุขภาพหัวใจ? และควรป้องกันอย่างไร? เรามาเรียนรู้กันในบทความนี้

Homocysteine คืออะไร?

Homocysteine หรือ โฮโมซิสเทอีน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นในระหว่างกระบวนการเมตาบอลิซึมของโปรตีน แม้ว่า Homocysteine จะเป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นเองได้ แต่หากมีการสะสมในระดับที่สูงเกินไปในเลือด มันสามารถทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและหนาขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด [1]

สาเหตุของ Homocysteine สูง 

ระดับ Homocysteine ในเลือดที่สูงขึ้นอาจมีหลายสาเหตุที่เกิดจากพฤติกรรมและปัจจัยสุขภาพต่าง ๆ มาดูรายละเอียดของสาเหตุเหล่านี้กันว่ามีอะไรบ้างที่อาจส่งผลต่อระดับ Homocysteine ในร่างกาย ดังนี้

1. การขาดสารอาหารที่จำเป็น

การขาดวิตามิน B6, B12 และโฟเลตเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ระดับ Homocysteine สูงขึ้น สารอาหารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญโฮโมซิสเทอีนให้เป็นสารที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะโฟเลตซึ่งเป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อการสังเคราะห์ DNA และการเจริญเติบโตของเซลล์ การขาดสารอาหารเหล่านี้อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลหรือการมีปัญหาในการดูดซึมสารอาหาร [2]

2. การบริโภคโปรตีนจากสัตว์มากเกินไป

การรับประทานโปรตีนในปริมาณมาก โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อแดง ไก่ และปลาที่มีกรดอะมิโนสูง อาจเพิ่มระดับ Homocysteine ในเลือด การบริโภคโปรตีนเหล่านี้มากเกินไปอาจทำให้ร่างกายต้องใช้สารอาหารในการเผาผลาญโปรตีนมากขึ้น และหากสารอาหารที่จำเป็นขาดแคลน ก็จะทำให้ระดับ Homocysteine สะสมในเลือดสูงขึ้น

3. การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์

การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นพฤติกรรมที่สามารถเพิ่มระดับโฮโมซิสเทอีนได้ โดยการสูบบุหรี่จะส่งผลต่อกระบวนการเผาผลาญและการใช้วิตามินในร่างกาย ทำให้เกิดการขาดวิตามินที่จำเป็น เช่น โฟเลต และ B12 ในขณะที่การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปสามารถทำลายตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญในการเผาผลาญ Homocysteine และลดประสิทธิภาพในการกำจัด Homocysteine ออกจากร่างกาย

4. การใช้ยาบางชนิด

ยาบางประเภทอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ระดับ Homocysteine เพิ่มขึ้น เช่น ยารักษาภาวะชัก (Anticonvulsants) ยาคุมกำเนิด และยารักษาโรคหัวใจบางชนิดที่อาจลดการดูดซึมโฟเลต การใช้ยากลุ่มนี้โดยไม่มีการปรึกษาแพทย์หรือไม่ได้รับการควบคุมอาจเพิ่มความเสี่ยงในการมีระดับโฮโมซิสเทอีนสูง

5. โรคเรื้อรังและปัญหาสุขภาพ

โรคเรื้อรังบางอย่าง เช่น โรคไตเรื้อรัง โรคตับ โดยการทำงานของตับมีความสำคัญต่อการเผาผลาญ Homocysteine ให้เป็นสารที่ไม่เป็นอันตราย ดังนั้นปัญหาตับจะทำให้ Homocysteine เพิ่มขึ้น หรือโรคมะเร็ง เนื้องอกหรือการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์สามารถรบกวนกระบวนการเมตาบอลิซึม และทำให้ Homocysteine ในร่างกายเพิ่มขึ้น เป็นต้น

6. การขาดการออกกำลังกาย

การไม่มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด Homocysteine สูงได้ การออกกำลังกายเป็นปัจจัยที่ช่วยในการควบคุมระดับ Homocysteine โดยช่วยเสริมสร้างระบบการเผาผลาญในร่างกายและลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังสามารถช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น และลดการเกิดลิ่มเลือด

7. ปัจจัยทางพันธุกรรม

ปัจจัยทางพันธุกรรมสามารถส่งผลต่อระดับ Homocysteine ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่มีการกลายพันธุ์ของยีนที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญ Homocysteine เช่น ยีน MTHFR (Methylenetetrahydrofolate Reductase) ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฟเลตให้เป็นสารที่ร่างกายสามารถใช้ได้ หากมียีนที่ผิดปกติ อาจทำให้กระบวนการเผาผลาญ Homocysteine ทำงานได้ไม่ดีพอ ซึ่งจะทำให้ระดับ Homocysteine ในเลือดสูงขึ้น [3]

8. อายุและการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกายมักจะช้าลง ซึ่งอาจส่งผลให้ระดับ Homocysteine สูงขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเผาผลาญ รวมถึงการลดประสิทธิภาพของการดูดซึมสารอาหารและการเผาผลาญโปรตีน อาจเพิ่มโอกาสในการมี Homocysteine สูงในผู้สูงอายุ


ดังนั้นระดับ Homocysteine ที่สูงในร่างกายสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการขาดสารอาหารที่จำเป็น พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม การใช้ยาบางชนิด โรคเรื้อรัง และปัจจัยทางพันธุกรรม การทำความเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้สามารถช่วยให้เราปรับพฤติกรรมและเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงจาก Homocysteine สูงได้


การป้องกันระดับโฮโมซิสเทอีนสูง สามารถทำอย่างไรได้บ้าง

ระดับโฮโมซิสเทอีนที่สูงนั้นเป็นปัจจัยสำคัญต่อการส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยโฮโมซิสเทอีนเป็นกรดอะมิโนที่เกิดจากการเผาผลาญของกรดอะมิโนเมไทโอนีน (methionine) ซึ่งหากมีระดับที่สูงเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ อันนำไปสู่อันตรายจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ ดังนั้นแนวทางการป้องกันจึงรวมถึงการทำตามหลักการดังต่อไปนี้ [4]

  • การรับประทานอาหารที่มีปริมาณโฟเลต (Folate) สูง: โฟเลตเป็นวิตามิน B ที่ช่วยในการลดระดับโฮโมซิสเทอีน การบริโภคผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม คะน้า หรือกะเพรา จะช่วยเพิ่มปริมาณโฟเลตในร่างกาย นอกจากนี้ ผลไม้ที่มีความหลากหลาย เช่น กล้วย ส้ม และเบอรี่ รวมถึงธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวโอ๊ต และข้าวกล้อง ก็เป็นแหล่งโฟเลตที่ดี ร่างกายต้องการโฟเลตเป็นปริมาณ 400 mcg/วัน ซึ่งเท่ากับผักเขียว 1 กิโล ซึ่งถ้าไม่สามารถ รับประทานได้ครบถ้วน ควรเสริมด้วย เมทิลโฟเลต ไปเลย เนื่องจากไม่มีกรดโฟลิคตกค้าง [5]
  • การบริโภควิตามิน B6 และ B12: วิตามิน B6 และ B12 มีบทบาทในการเผาผลาญโฮโมซิสเทอีน และช่วยให้ร่างกายสามารถย่อยสลายกรดอะมิโนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาหารที่มีวิตามิน B6 ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ขณะที่วิตามิน B12 มักพบในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นม และผลิตภัณฑ์นม หรืออาหารทางเลือกที่เสริมวิตามินนี้
  • การควบคุมและรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ: การมีน้ำหนักตัวเกินอาจเพิ่มความเสี่ยงในการมีระดับโฮโมซิสเทอีนสูง การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมน้ำหนักและเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม
  • การลดการบริโภคแอลกอฮอล์: การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากอาจทำให้การดูดซึมวิตามินในร่างกายลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการมีระดับโฮโมซิสเทอีนสูง การจำกัดหรือเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา
  • การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพปอด แต่ยังมีผลกระทบต่อระดับโฮโมซิสเทอีนและสุขภาพหัวใจ การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอย่างมีนัยสำคัญ
  • การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ: การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสอบระดับโฮโมซิสเทอีนและสุขภาพหัวใจเป็นวิธีการที่สำคัญในการป้องกันและตรวจพบปัญหาสุขภาพได้แต่เนิ่น ๆ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตและการบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ 

ดังนั้นการป้องกันระดับ Homocysteine สูงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจในชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่มีผลต่อระดับ Homocysteine เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยให้คุณสามารถรักษาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดได้ในระยะยาว