ปัจจัยที่ทำให้มีบุตรยาก และวิธีดูแลสุขภาพให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์

การมีบุตรยากเป็นปัญหาที่หลายครอบครัวกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ชีวิตมีความซับซ้อนและปัจจัยทางสุขภาพมากมายที่อาจส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ของทั้งผู้ชายและผู้หญิง แม้ว่าปัจจัยบางอย่างจะอยู่นอกเหนือการควบคุม แต่การดูแลสุขภาพและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่เหมาะสมสามารถเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้อย่างมาก ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงปัจจัยที่ทำให้มีบุตรยากและวิธีการดูแลสุขภาพเพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์อย่างถูกหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อการเตรียมตัวเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ในอนาคต
ปัจจัยที่ทำให้มีบุตรยาก
- อายุ
อายุเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการมีบุตร โดยเฉพาะในผู้หญิง เพราะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น การผลิตไข่จะลดลงทั้งจำนวนและคุณภาพ โดยเฉพาะหลังอายุ 35 ปี โอกาสการตั้งครรภ์จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแท้งบุตร การตั้งครรภ์ที่ไม่สมบูรณ์ หรือปัญหาสุขภาพของทารกได้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันผู้ชาย แม้ว่าอายุจะไม่ส่งผลต่อการผลิตอสุจิเหมือนผู้หญิง แต่ก็ยังพบว่าคุณภาพของอสุจิจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อโอกาสในการมีบุตรและความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติทางพันธุกรรมในทารก
- ปัญหาทางสุขภาพของระบบสืบพันธุ์
- ผู้หญิง: ความผิดปกติในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้มีบุตรยาก ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) เป็นภาวะที่ทำให้การตกไข่ไม่สม่ำเสมอหรือไม่เกิดขึ้นเลย ซึ่งมีผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ การตีบตันของท่อนำไข่ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อหรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) จะทำให้ไข่ไม่สามารถเดินทางไปพบกับอสุจิได้ อีกทั้งปัญหาฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ต่ำ อาจทำให้การตั้งครรภ์ไม่สมบูรณ์และมีโอกาสแท้งสูงขึ้น [1]
- ผู้ชาย: ปัญหาทางสุขภาพของระบบสืบพันธุ์ที่พบบ่อย ได้แก่ จำนวนอสุจิต่ำ การเคลื่อนไหวของอสุจิไม่ดี หรือภาวะไร้อสุจิ (Azoospermia) ซึ่งทำให้โอกาสในการปฏิสนธิลดลง ปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ การบาดเจ็บที่อวัยวะเพศ การใช้สารเสพติด หรือความผิดปกติของฮอร์โมน [2]
- ฮโมซิสเตอีนกับภาวะเสี่ยงมีบุตรยากในผู้ชายที่มีความผิดปกติของยีน MTHFR
โฮโมซิสเตอีนเป็นสารชนิดหนึ่งในร่างกายที่เมื่อมีระดับสูงอาจส่งผลต่อสุขภาพได้หลายด้าน รวมถึงปัญหาการมีบุตรยากในผู้ชายด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีความผิดปกติของยีน MTHFR ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับโฮโมซิสเตอีนในร่างกาย เมื่อยีนนี้ทำงานผิดปกติ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดโฮโมซิสเตอีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระดับโฮโมซิสเตอีนสูงขึ้น ซึ่งอาจไปทำลายเซลล์สเปิร์มและส่งผลกระทบต่อคุณภาพของอสุจิ ทำให้การปฏิสนธิเป็นไปได้ยากขึ้น ดังนั้น การตรวจวัดระดับโฮโมซิสเตอีนและการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายที่กำลังเผชิญปัญหาการมีบุตรยาก [3]
- ความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่มักถูกมองข้าม แต่มีผลกระทบโดยตรงต่อระบบฮอร์โมนและการเจริญพันธุ์ ความเครียดจากการทำงาน การใช้ชีวิต หรือความกดดันจากการพยายามมีบุตรอาจทำให้ฮอร์โมนควบคุมการเจริญพันธุ์เสียสมดุล ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถตกไข่หรือผลิตอสุจิได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการความเครียด เช่น การฝึกโยคะ การทำสมาธิ หรือการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ [4]
- น้ำหนักตัว
น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานหรือผอมเกินไปเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการตั้งครรภ์ น้ำหนักเกินอาจทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งมีผลต่อการผลิตฮอร์โมนและการตกไข่ ในขณะเดียวกัน น้ำหนักตัวที่ต่ำเกินไปอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้เพียงพอที่จะกระตุ้นการเจริญพันธุ์ การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมด้วยการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่สมดุลจะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ [5]
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต
พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้สารเสพติด มีผลเสียต่อสุขภาพเจริญพันธุ์ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง การสูบบุหรี่สามารถลดคุณภาพของไข่และอสุจิ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตร การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปยังส่งผลให้ฮอร์โมนเสียสมดุล ซึ่งทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลง การหยุดพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความพร้อมของร่างกายสำหรับการตั้งครรภ์
- สภาวะทางสุขภาพอื่น ๆ
โรคประจำตัวต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคต่อมไทรอยด์ ที่ไม่ได้รับการรักษาหรือควบคุมอย่างเหมาะสมสามารถส่งผลกระทบต่อโอกาสการตั้งครรภ์ โรคเหล่านี้อาจทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุลและส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ เช่น ในกรณีของโรคไทรอยด์ ซึ่งมีผลต่อการผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญพันธุ์ หากพบว่าโรคเหล่านี้ส่งผลต่อการมีบุตร การปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาหรือควบคุมโรคอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ [6]
วิธีดูแลสุขภาพเพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
- รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ อาหารที่มีสารอาหารที่สำคัญ เช่น กรดโฟลิก วิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี จะช่วยเสริมสร้างระบบสืบพันธุ์ของทั้งผู้ชายและผู้หญิง การทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนจากพืชหรือสัตว์ที่ไม่ผ่านการแปรรูป จะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้
- ตรวจวัดระดับโฮโมซิสเตอีนเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการวินิจฉัยและรักษาปัญหาการมีบุตรยากในผู้ชาย การรับประทานเมทิลโฟเลตเป็นหนึ่งในวิธีการช่วยลดระดับโฮโมซิสเตอีนและปรับปรุงคุณภาพของอสุจิในผู้ชายที่มีความผิดปกติของยีน MTHFR อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจรับประทานอาหารเสริมควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล [7]
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การมีน้ำหนักตัวที่สมดุลจะช่วยปรับปรุงการทำงานของฮอร์โมน การลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกินสามารถเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้ถึง 10-15% ในขณะที่ผู้ที่มีน้ำหนักต่ำควรเพิ่มน้ำหนักให้เหมาะสมเพื่อปรับปรุงการเจริญพันธุ์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต ลดความเครียด และช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมน ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลดีต่อการตั้งครรภ์ ควรเน้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ไม่หนักเกินไป เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือโยคะ
- จัดการความเครียด ความเครียดสามารถรบกวนการเจริญพันธุ์ การหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น การฝึกสมาธิ โยคะ หรือการทำกิจกรรมที่สนุกสนาน จะช่วยลดความเครียดและปรับปรุงสุขภาพจิต
- เลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์ การเลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์และช่วยให้สุขภาพของทารกในครรภ์แข็งแรง
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากพยายามตั้งครรภ์มานานกว่า 1 ปีแล้วแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย แพทย์อาจแนะนำให้ทำการรักษา เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือการใช้ฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นการตกไข่
นอกเหนือจากนี้เรายังพบว่า โฟเลต 5-MTHF เป็น ทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของยีน MTHFR
การใช้กรดโฟลิก (Folic acid) ในปริมาณสูง (5 มิลลิกรัมต่อวัน) เป็นวิธีการที่ล้าสมัยแล้ว เนื่องจากร่างกายของผู้ที่มีความผิดปกติของยีน MTHFR ไม่สามารถเปลี่ยนกรดโฟลิกให้เป็น 5-MTHF ซึ่งเป็นรูปแบบที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ ถึง 86% ของคู่รักที่มีปัญหาเรื่องการมีบุตรยากและประสบภาวะแท้งซ้ำซากภายใน 4 ปีที่ผ่านมา สามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จหลังจากได้รับการรักษาด้วยเมทิลโฟเลต [8]
ปัญหาการมีบุตรยากจึงเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อคู่สมรสในหลายมิติ โดยเกิดจากปัจจัยเชิงชีวภาพ เช่น ความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ ฮอร์โมน และอายุที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปัจจัยเชิงพฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม การบริโภคสารเสพติด และภาวะเครียด ที่มีผลต่อการทำงานของฮอร์โมนและสุขภาพโดยรวม การดูแลสุขภาพที่เหมาะสม รวมถึงการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นแนวทางที่สำคัญในการเพิ่มโอกาสในการมีบุตรอีกด้วย ดังนั้นการตระหนักถึงปัญหาการมีบุตรยากและการดำเนินการอย่างเหมาะสม จะช่วยส่งเสริมสุขภาพทางการเจริญพันธุ์ในระยะยาว